ความยุติธรรมที่ล่าช้าก็คือความอยุติธรรม (justice delayed is justice denied) เฉกเช่นคำขวัญศาลแรงงานที่ว่า "ประหยัด สะดวก รวดเร็วและเที่ยงธรรม" ก็ด้วยการตระหนักว่าความยุติธรรมมิใช่เพียงการตัดสินโดยองค์กรตุลาการที่เป็นกลางเท่านั้น หากต้องมิใช่กระบวนการที่ใช้เวลายาวนาน เพราะคำตัดสินที่มาอย่างเชื่องช้าอาจทำให้ผู้ได้รับความเสียหายไม่สนใจต่อการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม ทั้งยังทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบระหว่างคู่ความที่ไม่มีความเท่าเทียมกัน

สหภาพแรงงานไดกิ้น ตอนที่ 2 : ข้อเรียกร้องสวน ขอจ่ายเงินแทนทองคำ ความเฮงซวยของกฎหมายแรงงานสัมพันธ์ที่เปิดช่องให้นายจ้างกดขี่ลูกจ้างแบบให้ใบอนุญาตอย่างถูกกฎหมาย

เอาเข้าจริง ฉันก็แอบหวังลมๆแล้งๆว่า โลกเดินมาถึงยุค google AI ultra แล้ว คงไม่มีบริษัทแห่งไหนที่จะใช้ยุทธวิธีปิดงานสมาชิกสหภาพแรงงาน

ประสบการณ์ของฉันนับตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นมา กลับพบว่า “การปิดงานสหภาพแรงงานไดกิ้นอมตะรักษ์เสรี” กลายมาเป็นสหภาพแรงงานแห่งที่ 13 ในรอบ 18 ปี


และไม่มีเคสไหน "จบสวย" แม้แต่เคสเดียว

§ ปี 2560 ปิดงานสหภาพแรงงานมิตซูบิชิ อีเล็คทริค ประเทศไทย (1,800 คน)

§ ปี 2559 ปิดงานสหภาพแรงงานไมย์เออร์ อลูมิเนียม (121 คน) สหภาพแรงงานอ๊อฟโรดประเทศไทย , สหภาพแรงงานอุตสาหกรรมโลหะแห่งประเทศไทย (เฉพาะลูกจ้างบริษัทนิปปอน สตีล แอนด์ ซูมิคิน สตีล
โปรเซสซิ่ง ประเทศไทย)

§ ปี 2558 ปิดงานสหภาพแรงงานซันโคโกเซประเทศไทย (663 คน)

§ ปี 2557 ปิดงานสหภาพแรงงานสแตนเลย์ประเทศไทย (44 คน) , สหภาพแรงงานเพื่อนแรงงานไทย เป็นลูกจ้างบริษัทที.เอ. ออโตโมทีฟ พาร์ท (180 คน)

§ ปี 2556 ปิดงานสหภาพแรงงานเอ็นเอ็กพี แมนูแฟคเจอริ่ง (500 คน)

§ ปี 2554 ปิดงานสหภาพแรงงานฟูจิตสึ เจเนอรัลประเทศไทย

§ ปี 2553 ปิดงานสหภาพแรงงานแม็กซิส ประเทศไทย จนต้องเดินเท้าจากจังหวัดระยองมากระทรวงแรงงาน

§ ปี 2552 ปิดงานสหภาพแรงงานเจนเนอรัลมอเตอร์ส ประเทศไทย

§ ปี 2551 ปิดงานสหภาพแรงงานอัลมอนด์ (300 คน)

ฉันอธิบายเรื่องการปิดงานอย่างละเอียดไปแล้วในเอกสารตอนที่ 1 : เข้าใจคำว่า “ปิดงาน-งดจ้าง ตาม พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.2518” และผลกระทบจากการปิดงาน

ไปย้อนอ่านกันก่อนนะคะ แล้วค่อยมาอ่านตอนที่ 2 นี้

ที่ใช้ชื่อตอนว่า : ข้อเรียกร้องสวน ขอจ่ายเงินแทนทองคำ ความเฮงซวยของกฎหมายแรงงานสัมพันธ์ที่เปิดช่องให้นายจ้างกดขี่ลูกจ้างแบบให้ใบอนุญาตอย่างถูกกฎหมาย

ข้อเรียกร้องสวนคืออะไร ?

ข้อเรียกร้องสวน คือ

การใช้สิทธิของนายจ้าง ตามมาตรา 13 แห่ง พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.2518 ในการยื่นข้อเรียกร้องเพื่อเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างในลักษณะที่ลดทอนสิทธิประโยชน์เดิมของลูกจ้างหรือสมาชิกสหภาพแรงงาน

เพื่อวัตถุประสงค์ในการบริหารจัดการต้นทุน การปรับโครงสร้างองค์กร การลดทอนอำนาจการเจรจาต่อรองของสหภาพแรงงาน

จะเข้าใจเรื่อง "ข้อเรียกร้องสวน"

ต้องเริ่มต้นจากการเข้าใจคำว่า "สภาพการจ้าง" ตามมาตรา 5 แห่ง พ.ร.บ. แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 เสียก่อน ซึ่งบัญญัติความหมายไว้อย่างกว้างขวาง ไม่ว่าจะเป็น


• เงื่อนไขการจ้างหรือการทำงาน เช่น ทำงานมา 10 ปี แล้วไม่ขาด ลา และมาสายเลย จะได้เงิน 10,000 บาท และได้ทองมูลค่า 3 บาท ตามที่บริษัทไดกิ้นฯ กำหนดไว้ เป็นต้น

• กำหนดวันและเวลาทำงาน

• ค่าจ้าง

• สวัสดิการ

• การเลิกจ้าง

• ประโยชน์อื่นของนายจ้างหรือลูกจ้างอันเกี่ยวกับการจ้างหรือการทำงาน

ความสำคัญของนิยามนี้อยู่ที่ มาตรา 10 ซึ่งกำหนดให้สถานประกอบกิจการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 20 คนขึ้นไป ต้องจัดให้มีข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง

และเมื่อข้อตกลงนี้มีผลบังคับใช้แล้ว กฎหมายแรงงานสัมพันธ์ในมาตรา 20 ระบุต่ออีกว่า

"เมื่อข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างมีผลใช้บังคับแล้ว ห้ามมิให้นายจ้างทำสัญญาจ้างแรงงานกับลูกจ้างขัดหรือแย้งกับข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง เว้นแต่สัญญาจ้างแรงงานนั้นจะเป็นคุณแก่ลูกจ้างยิ่งกว่า"

บทบัญญัตินี้สร้างหลักประกันว่า สิทธิประโยชน์ใดๆ ที่ลูกจ้างได้รับตามข้อตกลง จะถูก "ล็อค" ไว้ นายจ้างไม่สามารถใช้อำนาจบริหารจัดการ เพื่อสั่งลดสวัสดิการเหล่านี้ฝ่ายเดียวได้ แม้จะประสบปัญหาขาดทุนก็ตาม

หากนายจ้างต้องการเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างในทางที่เป็นโทษ หรือลดสวัสดิการ

นายจ้างจำต้องเข้าสู่กระบวนการตามมาตรา 13 เท่านั้น

และนี่คือจุดกำเนิดของการใช้ "ข้อเรียกร้องสวน"

คำว่า "ข้อเรียกร้องสวน" เป็นภาษาที่เรียกกันในแวดวงสหภาพแรงงาน ไม่มีบัญญัติไว้ในกฎหมายแรงงานสัมพันธ์แต่อย่างใด

เป็นถ้อยคำที่ใช้ในทางปฏิบัติ เพื่ออธิบายสถานการณ์ที่นายจ้างใช้สิทธิตามมาตรา 13 ยื่นข้อเรียกร้องต่อลูกจ้าง เพื่อตอบโต้ หรือดำเนินการควบคู่ไปกับการยื่นข้อเรียกร้องของสหภาพแรงงาน

มาตรา 13 บัญญัติว่า "การเรียกร้องให้มีการกำหนดข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง หรือการแก้ไขเพิ่มเติมข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง นายจ้างหรือลูกจ้างต้องแจ้งข้อเรียกร้องเป็นหนังสือให้อีกฝ่ายหนึ่งทราบ"

บทบัญญัตินี้ทำลายความเชื่อดั้งเดิมที่ว่าการเรียกร้องเป็นเรื่องของลูกจ้างหรือสหภาพแรงงานฝ่ายเดียว

กฎหมายให้สิทธินายจ้างอย่างเต็มที่ในการเป็นผู้ริเริ่มขอแก้ไขสัญญาจ้าง หากนายจ้างเห็นว่าต้นทุนค่าจ้างสูงเกินไป หรือระเบียบการทำงานล้าสมัย

นายจ้างมีสิทธิยื่นข้อเรียกร้องเพื่อ


1. ขอลดค่าจ้าง

2. ขอลดโบนัส

3. ขอยกเลิกสวัสดิการบางประเภท เช่น ยกเลิกรางวัลทองคำอายุงาน

4. ขอปรับเปลี่ยนเวลาทำงานหรือกะการทำงาน

5. ขอแก้ไขระเบียบวินัยและการลงโทษ

เพื่อให้ข้อเรียกร้องของนายจ้างมีผลตามกฎหมายและสามารถนำไปสู่การใช้สิทธิปิดงาน (Lockout) ได้ในภายหลัง

นายจ้างต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขตามที่กำหนดในมาตรา 13 ถึง 15 อย่างเคร่งครัด ซึ่งบริษัทไดกิ้น ปฏิบัติตามถูกต้องทุกประการ ได้แก่

- ต้องทำเป็นหนังสือเท่านั้น จะแจ้งด้วยวาจาต่อสหภาพแรงงานไม่ได้

- ผู้ยื่น ต้องเป็นนายจ้าง หรือผู้มีอำนาจกระทำการแทนนิติบุคคล หากผู้ลงนามไม่มีอำนาจ ข้อเรียกร้องไม่มีผล

- ต้องแจ้งต่อผู้แทนลูกจ้าง หรือสหภาพแรงงานที่มีสมาชิกเกินร้อยละ 20 ของลูกจ้างทั้งหมด การแจ้งผิดตัว หรือแจ้งลอยๆ โดยไม่ระบุผู้รับกระทำไม่ได้

- ต้องระบุชื่อผู้เข้าร่วมเจรจาฝ่ายนายจ้าง (ไม่เกิน 7 คน) พร้อมหนังสือแต่งตั้ง

- คุณสมบัติผู้เจรจา ต้องเป็นกรรมการ, ผู้ถือหุ้น, หรือลูกจ้างประจำของนายจ้างเท่านั้น (ที่ปรึกษา/ทนายความ เป็นได้เพียงที่ปรึกษา ไม่ใช่ผู้เจรจาหลัก)

เมื่อนายจ้างยื่นข้อเรียกร้องสวน กฎหมายกำหนดกรอบเวลาไว้ดังนี้

- ทั้งสองฝ่ายต้องเริ่มเจรจากันภายใน 3 วัน นับแต่วันที่ได้รับข้อเรียกร้อง

- หากตกลงกันไม่ได้ หรือไม่มีการเจรจาภายในกำหนด ฝ่ายที่ยื่นข้อเรียกร้องต้องแจ้งพนักงานประนอมข้อพิพาทแรงงานภายใน 24 ชั่วโมง

- พนักงานประนอมฯ มีเวลา 5 วัน ในการไกล่เกลี่ย

- หากพ้น 5 วันแล้วยังตกลงกันไม่ได้ ถือเป็นข้อพิพาทแรงงานที่ตกลงกันไม่ได้ตามมาตรา 22 วรรค 3 ซึ่งเป็นจุดตัดสำคัญที่เปิดประตูสู่อำนาจในการ "ปิดงาน"

ประสบการณ์ของฉันที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับสหภาพแรงงานบางแห่ง พบว่านายจ้างใช้ข้อเรียกร้องสวนใน 3 ลักษณะดังนี้

ลักษณะที่ 1 : สหภาพแรงงานยื่นข้อเรียกร้องขอเพิ่มสวัสดิการ นายจ้างยื่นข้อเรียกร้องสวนเพื่อรักษาสวัสดิการของเดิม เป็นการสร้างอำนาจต่อรองของนายจ้าง

เพื่อให้สหภาพแรงงานยอมถอนข้อเรียกร้องขอเพิ่มสวัสดิการ แลกกับการที่นายจ้างถอนข้อเรียกร้องสวน

ลักษณะที่ 2 : เมื่อต้องการปรับโครงสร้างการบริหารงานสถานประกอบการใหม่ นายจ้างจะใช้ข้อเรียกร้องสวนเพื่อลดต้นทุนถาวร

เช่น การเปลี่ยนระบบโบนัสจากโบนัสคงที่ (Fixed Bonus) เป็นโบนัสตามผลประกอบการ

หรือการยกเลิกสวัสดิการที่มีภาระผูกพันระยะยาว เช่น รางวัลทองคำเมื่อทำงานครบ 10 ปี ดังที่เกิดขึ้นกับสหภาพแรงงานไดกิ้น

เนื่องจากมาตรา 20 กำหนดว่า ห้ามนายจ้างลดสวัสดิการฝ่ายเดียวหากลูกจ้างไม่ยินยอม

นายจ้างจึงต้องยื่นข้อเรียกร้องสวนเพื่อให้เกิดข้อพิพาท และใช้อำนาจปิดงานกดดันให้ลูกจ้างยอมรับเงื่อนไขใหม่ที่เป็นโทษแก่ตนเอง ซึ่งเป็นช่องทางเดียวที่ทำได้โดยชอบด้วยกฎหมาย

การยื่นข้อเรียกร้องสวนลักษณะนี้มักมาจากนโยบายประเทศแม่ ส่วนบริษัทไทยมักจะใช้การเลิกจ้างมากกว่า

ลักษณะที่ 3 : เพื่อทำลายสหภาพแรงงานโดยตรง

กรณีนี้ มักพบว่า นายจ้างยื่นข้อเรียกร้องที่สุดโต่ง เช่น ตัดสวัสดิการสำคัญของพนักงาน เพื่อยั่วยุให้สหภาพแรงงานไม่สามารถยอมรับได้ และนำไปสู่ทางตัน

เมื่อเกิดทางตัน นายจ้างประกาศปิดงาน ตัดท่อน้ำเลี้ยง ซึ่งก็คือ ค่าจ้างของสมาชิกสหภาพแรงงาน

สมาชิกที่ทนพิษเศรษฐกิจไม่ไหว เพราะไม่มีค่าจ้างมาหล่อเลี้ยงชีวิต จะเริ่มแตกแยก กดดันให้ผู้นำสหภาพยอมจำนน หรือลาออกจากสหภาพเพื่อกลับเข้าทำงาน

สหภาพแรงงานอ่อนแอลง หรือล่มสลาย ทำให้ในระยะยาวนายจ้างสามารถกำหนดสภาพการจ้างได้ฝ่ายเดียวโดยไร้การต่อรอง ซึ่งที่ผ่านมา ทุกสหภาพแรงงานที่ป่านกล่าวมาในรายชื่อข้างต้นทั้งหมด คือ แบบนี้

การที่นายจ้างใช้ข้อเรียกร้องสวนและตามมาด้วยการปิดงาน ส่งผลกระทบต่อลูกจ้าง ซึ่งไม่ใช่แค่เพียงการขาดรายได้ชั่วคราวเท่านั้น ได้แก่

- ลูกจ้างที่ถูกปิดงานจะสูญเสียรายได้ทันที 100 % ในขณะที่ภาระหนี้สิน เช่น ค่าผ่อนบ้าน, รถ, บัตรเครดิต ยังเดินหน้าต่อ

ภาวะนี้สร้างแรงกดดันมหาศาลให้ลูกจ้างต้องยอมจำนนต่อข้อเรียกร้องของนายจ้างเพื่อกลับเข้าทำงาน

- ปกติกองทุนประกันสังคมจ่ายชดเชยกรณี "ลาออก" หรือ "เลิกจ้าง" แต่กรณี Lockout ลูกจ้างยังมีสถานะเป็นพนักงาน จึงไม่เข้าข่าย ได้รับเงินทดแทนการว่างงาน

ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้ว คือ การว่างงานนั้นเอง เพราะไม่มีค่าจ้างแต่อย่างใด

- ผู้ประกันตนมาตรา 33 สถานะยังคงอยู่ แต่นายจ้างและลูกจ้างไม่ต้องนำส่งเงินสมทบในช่วงที่ไม่มีการจ่ายค่าจ้าง

ทำให้สิทธิประโยชน์บางอย่างสะดุดลงหากระยะเวลาปิดงานยืดเยื้อ เช่น หากต้องใช้สิทธิลาคลอด เป็นต้น

- หากลูกจ้างยอมรับข้อเรียกร้องสวนเพื่อยุติการปิดงาน สิทธิประโยชน์ที่เคยได้รับ เช่น โบนัส, ค่ารักษาพยาบาลพิเศษ จะหายไปตลอดกาล หรือถูกเปลี่ยนเป็นสิทธิที่ต่ำกว่า สัญญาจ้างใหม่จะมีผลผูกพันไปอีกอย่างน้อย 1 ปี หรือสูงสุด 3 ปี จนกว่าจะมีการเรียกร้องใหม่

- ในกรณีที่สหภาพแรงงานอ่อนแอลง นายจ้างจะใช้อำนาจต่อรองให้ลูกจ้างเซ็นยินยอมเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างเป็นรายบุคคล ซึ่งแม้จะมีมาตรา 20 คุ้มครอง

แต่หากสหภาพล่มสลาย การบังคับใช้กฎหมายก็จะหย่อนยานลง บทเรียนนี้เกิดขึ้นแล้วในสหภาพแรงงานมิตซูแอร์ ที่ป่านเข้าไปเกี่ยวข้องโดยตรง

- การปิดงานมักก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างสมาชิกสหภาพแรงงานที่ยืนหยัดต่อสู้ กับสมาชิกที่อยากกลับเข้าทำงาน

นายจ้างอาจใช้ยุทธวิธีอนุญาตให้ลูกจ้างบางส่วนที่ยอมรับเงื่อนไขกลับเข้าทำงานก่อน ซึ่งสร้างรอยร้าวที่ยากจะเยียวยาแม้ข้อพิพาทจบลง

- บรรยากาศการทำงานหลังจบข้อพิพาทมักเต็มไปด้วยความหวาดระแวง ไม่ไว้วางใจในระหว่างลูกจ้างที่กลับเข้าไปทำงานด้วยกันเอง

แต่แน่นอนในเรื่องนี้ยังมีทางออก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3809/2548 และเทียบเคียงฎีกาที่ 2560/826 วางบรรทัดฐานไว้ว่า


แม้นายจ้างจะมีสิทธิปิดงาน แต่ต้องอยู่ภายใต้หลักสุจริตใจ หากพิสูจน์ได้ว่านายจ้างยื่นข้อเรียกร้องสวนเท็จ เช่น อ้างว่าขาดทุนทั้งที่มีกำไรมหาศาล เพื่อกลั่นแกล้งลูกจ้างหรือทำลายสหภาพแรงงาน

การปิดงานนั้นอาจถือเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรม (Unfair Labor Practice) นายจ้างต้องจ่ายค่าจ้างย้อนหลัง พร้อมดอกเบี้ย 15 % ต่อปี ให้แก่ลูกจ้างตลอดช่วงเวลาที่ปิดงาน

กล่าวได้ว่า "ข้อเรียกร้องสวน" ของนายจ้าง ภายใต้ พ.ร.บ. แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 จึงกลายเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดในการจัดการกับสหภาพแรงงานนั้นเอง

คือการสร้างสงคราม ที่ขัดกับหลักแรงงานสัมพันธ์ ทำลายบรรยากาศความไว้วางใจอย่างที่สุดลงแล้ว

รออ่านตอนที่ 3 นะคะ :
เจาะลึกงบไดกิ้น กำไร 5.9 พันล้าน กับปฏิบัติการฟอกขาว ตัดสวัสดิการทองคำ ผ่านช่องโหว่กฎหมายแรงงานสัมพันธ์

เพราะนี้คือยุทธศาสตร์กับดักเดือนธันวาคม

การยื่นข้อเรียกร้องสวน และตามมาด้วยการปิดงานไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

o ตุลาคม ช่วงเจรจาข้อเรียกร้องของสหภาพแรงงานไดกิ้น บริษัทเลือกที่จะนิ่งเงียบ เพื่อให้พนักงานเร่งการผลิตจนได้สินค้าตุนไว้ในคลัง เพียงพอสำหรับขายในช่วงปิดงาน

o พฤศจิกายน: เริ่มยื่นข้อเรียกร้องสวนเพื่อเปิดเกมรุกและทำให้กระบวนการทางกฎหมายเริ่มนับหนึ่งอีกครั้ง ขณะเดียวกันมีการแจกกระเป๋าเดินทางให้พนักงานด้วยซ้ำ เพื่อหลอกล่อกระบวนการเจรจาให้ดูว่าไม่มีอะไรขัดแย้ง

o ธันวาคม: ประกาศปิดงาน ซึ่งเป็นช่วงที่พนักงานต้องการเงินที่สุด (กลับบ้านปีใหม่, ค่าเทอมลูก) เพื่อบีบให้ยอมแพ้เพราะขาดรายได้ ใช้ความกดดันทางการเงินในช่วงเทศกาลปีใหม่ เพื่อทำลายขวัญและกำลังใจของสหภาพฯ ให้จบดีลโดยเร็วที่สุด


 

บุษยรัตน์ กาญจนดิษฐ์ เลขานุการในคณะกรรมาธิการการแรงงาน วุฒิสภา

6-12-68



08/Dec/2025

เกาะติดข่าวกฎหมาย

>> อ่านต่อ

บทความพิเศษ

สหภาพแรงงานไดกิ้น ตอนที่ 3 เจาะลึกงบไดกิ้น กำไร 5.9 พันล้าน กับปฏิบัติการฟอกขาว ตัดสวัสดิการทองคำ ผ่านช่องโหว่กฎหมายแรงงานสัมพันธ์ สหภาพแรงงานไดกิ้น ตอนที่ 3 เจาะลึกงบไดกิ้น กำไร 5.9 พันล้าน กับปฏิบัติการฟอกขาว ตัดสวัสดิการทองคำ ผ่านช่องโหว่กฎหมายแรงงานสัมพันธ์

เที่ยงวันนี้ 8 ธันวาคม 68 ฉันนั่งอ่านข้อมูลการเงินของบริษัท ไดกิ้นอินดัสทรีส์ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่...

สหภาพแรงงานไดกิ้น ตอนที่ 1 : เข้าใจคำว่า “ปิดงาน-งดจ้าง ตาม พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.2518” และผลกระทบจากการปิดงาน สหภาพแรงงานไดกิ้น ตอนที่ 1 : เข้าใจคำว่า “ปิดงาน-งดจ้าง ตาม พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.2518” และผลกระทบจากการปิดงาน

สหภาพแรงงานไดกิ้นอมตะรักษ์เสรี เป็นสหภาพแรงงานที่ฉันมักอิจฉาเสมอ เพราะตลอดหลายปีที่ผ่านมา โบนัสและสว...

Update 13-11-68 : สูตร CARE ประกันสังคม  “CARE ทุกคน” หรือ “ไม่ FAIR สำหรับทุกคน” Update 13-11-68 : สูตร CARE ประกันสังคม “CARE ทุกคน” หรือ “ไม่ FAIR สำหรับทุกคน”

ฉันเห็นบรรยากาศเรื่องการถกเถียงเรื่อง สูตร CARE ประกันสังคม ว่า “CARE ทุกคน” หรือ &ldquo...

update 13-11-68 : การกระทำแบบใดเรียกว่า การโยกย้ายงานที่ไม่เป็นธรรม update 13-11-68 : การกระทำแบบใดเรียกว่า การโยกย้ายงานที่ไม่เป็นธรรม

อภิญญา สุจริตตานันท์ อดีตอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ปัจจุบันเป็นประธานคณะกรรมการแรงงานสัมพั...

>> บทความอื่นๆ

กฎหมาย

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (พ.ศ. 2550)
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ป.พ.พ.)
ประมวลกฎหมายอาญา
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
พระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518
พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522
พระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533
พระราชบัญญัติเงินทดแทน พ.ศ. 2537
พระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ.2528
พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541
พระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. 2543
พระราชกำหนด การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

กระทรวงแรงงาน
กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
กรมจัดหางาน
กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน
สำนักงานประกันสังคม
สำนักแรงงานสัมพันธ์
สำนักบริหารแรงงานต่างด้าว
สำนักงานบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ
ศาลแรงงานกลาง
คณะกรรมาธิการการแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร
คณะกรรมาธิการการแรงงานและสวัสดิการสังคม วุฒิสภา