ความยุติธรรมที่ล่าช้าก็คือความอยุติธรรม (justice delayed is justice denied) เฉกเช่นคำขวัญศาลแรงงานที่ว่า "ประหยัด สะดวก รวดเร็วและเที่ยงธรรม" ก็ด้วยการตระหนักว่าความยุติธรรมมิใช่เพียงการตัดสินโดยองค์กรตุลาการที่เป็นกลางเท่านั้น หากต้องมิใช่กระบวนการที่ใช้เวลายาวนาน เพราะคำตัดสินที่มาอย่างเชื่องช้าอาจทำให้ผู้ได้รับความเสียหายไม่สนใจต่อการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม ทั้งยังทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบระหว่างคู่ความที่ไม่มีความเท่าเทียมกัน

สหภาพแรงงานไดกิ้น ตอนที่ 3 เจาะลึกงบไดกิ้น กำไร 5.9 พันล้าน กับปฏิบัติการฟอกขาว ตัดสวัสดิการทองคำ ผ่านช่องโหว่กฎหมายแรงงานสัมพันธ์

เที่ยงวันนี้ 8 ธันวาคม 68 ฉันนั่งอ่านข้อมูลการเงินของบริษัท ไดกิ้นอินดัสทรีส์ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อพิจารณาดูว่ามีเหตุผลใด ที่บริษัทเลือกที่จะปิดงานสหภาพแรงงานไดกิ้นอมตะรักษ์เสรี มากกว่าเจรจาต่อรองในการจ่ายเงินแทนทองคำ

ฉันพบว่า

- ปี 2566 กำไรสูงสุดประวัติการณ์ เพราะเป็น Demand สั่งซื้อท่วมท้นหลังโควิด

- ปี 2567 กำไรลดลงประมาณ 20 % แต่ยังคงมีกำไรสุทธิที่แข็งแกร่งสูงถึง 5,906 ล้านบาทหรืออยู่ที่ประมาณ 10.9 % ซึ่งถือว่าสูงมากในอุตสาหกรรมการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้า (ปกติอยู่ที่ 5-7 %)

- มีการจ่ายเงินปันผลสูงถึง 5,500 ล้านบาท (เกือบเท่ากำไรสุทธิ) กลับไปยังบริษัทแม่หรือผู้ถือหุ้น ทำให้เหลือเงินสดหมุนเวียนในบริษัทน้อยลง เป็นเหตุผลที่ใช้บอกพนักงานว่าสภาพคล่องตึงตัว

- ใช้ตัวเลขลดลง 20 % นี้อ้างว่าความสามารถในการจ่ายโบนัสลดลง ทั้งที่ไม่ใช่ภาวะขาดทุน

- กล่าวได้ว่า การขาดสภาพคล่องเป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้น ไม่ใช่เหตุสุดวิสัย เพราะหากจ่ายเกือบ 100 % ของกำไร แสดงว่าฝ่ายบริหารจงใจให้เหลือ cash flow ต่ำ เพื่อใช้เป็นข้ออ้างในการเจรจา

- ในทางบริหารธุรกิจ หากบริษัทกังวลเรื่องสภาพคล่องจริง จะไม่มีทางจ่ายปันผลเกือบเท่ากำไรสุทธิ

- ส่วนสินทรัพย์รวม เพิ่มขึ้น 6.78 % หรือ 4.5 หมื่นล้าน โดยบริษัทยังมีการลงทุนขยายสินทรัพย์/เครื่องจักรอัตโนมัติอย่างต่อเนื่อง

- สะท้อนว่าบริษัทกำลังลงทุนในเทคโนโลยีการผลิตเพื่อลดการพึ่งพาแรงงานคนในระยะยาว สอดคล้องกับนโยบาย Fusion 25 ของบริษัทแม่ที่เน้น Digital Transformation

- เห็นได้ว่ากำไรไม่ได้ลดลงแต่อย่างใดเลย แต่เป็นกำไรสะสมและความมั่งคั่ง

- เพราะสินทรัพย์รวมยังโตขึ้น แปลว่าบริษัทมั่งคั่งขึ้น ไม่ได้จนลง

- อีกทั้งสินค้าคงคลังลดลงเกือบ 40 % แสดงว่าบริษัทขายของเก่าเปลี่ยนเป็นเงินสดได้จำนวนมาก

- รายได้รวมของบริษัททรงตัวอยู่ที่ระดับ 51,225 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนถึงความสามารถในการรักษาฐานตลาดและยอดขายได้อย่างมั่นคง แม้จะเผชิญกับปัจจัยลบภายนอก

- สถานะทางการเงินจึงไม่ได้วิกฤตอย่างที่กล่าวอ้าง

จากข้อมูลเหล่านี้ ฉันมีคำถามดังๆว่า

การปิดงานสมาชิกสหภาพแรงงานกว่า 1,500 คน ในช่วงที่มีกำไรสุทธิกว่า 5,500 ล้านบาท เป็นการใช้สิทธิโดยสุจริตใจตาม พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.2518 หรือไม่ หรือเป็นการใช้อำนาจทุนเหนืออำนาจต่อรองของสหภาพแรงงาน


ในความเห็นของฉัน

1) นี้เป็นการใช้อำนาจทุนที่เหนือกว่าผ่านการเจรจาที่ไม่สุจริตใจ เนื่องจาก


1.1 กำไรมีอยู่จริง แต่ถูกเลือกที่จะไม่จ่าย ทั้งที่มีการอนุมัติจ่ายเงินปันผลสูงถึง 5,500 ล้านบาท ซึ่งแทบจะเท่ากับกำไรสุทธิทั้งหมด

1.2 การที่เงินสดจากการดำเนินงานถูกดูดออกไปยังผู้ถือหุ้นหรือบริษัทแม่เกือบ 100 % แล้วมาบอกลูกจ้างว่า ไม่มีเงินเพียงพอ" สำหรับสวัสดิการเดิม เป็นการบริหารจัดการที่จงใจสร้างภาพลักษณ์ความขาดแคลน

1.3 ถือได้ว่าเป็นการปิดงานเพราะไม่อยากจ่าย โดยเลือกที่จะรักษาความมั่งคั่งของผู้ถือหุ้นไว้สูงสุด และผลักภาระการลดต้นทุนมาที่สวัสดิการพนักงานแทน

1.4 บริษัทขอลดจาก "ทองคำ 3 บาท" เหลือ "เงินสด 40,000 บาท" ซึ่งทองคำ 3 บาท มูลค่าตลาดปัจจุบันสูงกว่า 120,000 บาท เห็นชัดเลยว่าลูกจ้างถูกลดสวัสดิการลงไปถึง 60-70 % นี้คือความรุนแรงของการใช้อำนาจทุนอย่างมหันต์

1.5 แน่นอนราคาทองคำผันผวน เป็นความเสี่ยงทางบัญชีที่บริษัทต้องการกำจัดทิ้ง (Set Zero) ตามระบบทุนนิยมสมัยใหม่ เข้าใจเหตุผลการบริหารแต่ไม่เห็นด้วยกับวิธีการปิดงานอย่างเด็ดขาด

2) บริษัทมีการวางแผนล่วงหน้าเพื่อใช้ความได้เปรียบทางเวลาบีบลูกจ้าง เข้าข่ายการใช้สิทธิโดยไม่คำนึงถึงหลักสุจริตใจ

2.1 บริษัทเลือกที่จะนิ่งเงียบและประวิงเวลาในช่วงเดือนตุลาคม เพื่อหลอกล่อให้พนักงานเร่งการผลิตจนได้สินค้าคงคลังมากพอที่จะรองรับยอดขายในช่วงปิดงาน การกระทำนี้คือการมีสินค้าสต็อกเพื่อซื้อความปลอดภัยให้ตัวเองก่อนเริ่มสถานการณ์ปิดงาน

2.2 เมื่อมีสินค้าสำเร็จรูปเพียงพอที่จะส่งมอบให้ลูกค้าในช่วงเดือนธันวาคม 2568 และมกราคม 2569 โดยไม่ต้องพึ่งพาสายการผลิต ทำให้การปิดงานไม่ส่งผลกระทบต่อรายได้หลักของบริษัท

2.3 การยื่นข้อเรียกร้องสวนในช่วงกลางเดือน พ.ย. ถูกคำนวณมาแล้วว่ากระบวนการทางกฎหมาย (เจรจา-ไกล่เกลี่ย) จะไปจบที่ทางตันในช่วงต้นเดือน ธ.ค. พอดี

2.4 การเลือกปิดงานในวันที่ 6 ธ.ค. ซึ่งเป็นช่วงที่พนักงานต้องการเงินที่สุดสำหรับปีใหม่ เพื่อทำลายอำนาจการต่อรองของสหภาพแรงงาน

2.5 การมีรายได้สูงจาก OT ในช่วง 2 เดือนก่อนหน้า ทำให้ลูกจ้างเร่งการใช้จ่ายหรือก่อหนี้สินเพื่อรอรับโบนัสก้อนโต แต่เมื่อเจอกับดักปิดงานในเดือนธันวาคม รายได้ที่เคยมีจะกลายเป็นศูนย์ทันที สร้างแรงกดดันทางการเงินอย่างรุนแรง

2.6 บริษัทรู้ดีว่าด้วยกำไรสะสมและสต็อกสินค้าที่มี บริษัทสามารถรอได้นานเป็นเดือน แต่ลูกจ้างที่ขาดรายรายได้วันต่อวัน รอไม่ได้ นี้คือการใช้อำนาจทุนข่มเหงผู้ที่มีอำนาจเศรษฐกิจน้อยกว่าอย่างชัดเจน

3. การใช้จิตวิทยาผ่านสัญลักษณ์แจกกระเป๋าเดินทาง

หนึ่งในเหตุการณ์ที่สร้างความฮือฮาและถูกตีความในเชิงสัญลักษณ์อย่างมาก คือ กรณีการแจกกระเป๋าเดินทาง

3.1 ก่อนการประกาศปิดงานไม่นาน มีรายงานว่าพนักงานได้รับกระเป๋าเดินทางจากบริษัท ซึ่งสร้างความสับสนและเป็นประเด็นไวรัลในโซเชียลมีเดีย

3.2 แม้ในทางหนึ่ง กระเป๋าเดินทางอาจเป็นส่วนหนึ่งของโปรโมชั่นส่งเสริมการขาย (ซื้อแอร์แถมกระเป๋า) หรือของขวัญปีใหม่ แต่การแจกกระเป๋าเดินทางในช่วงวิกฤตแรงงานสัมพันธ์ ถูกตีความโดยจิตวิทยาหมู่ของพนักงานว่าเป็นลางบอกเหตุของการเก็บของกลับบ้านหรือการเลิกจ้าง

3.3 ไม่ว่าจะเป็นความตั้งใจหรือความผิดพลาดในการสื่อสาร ได้ทำลายขวัญกำลังใจของพนักงาน และสร้างบรรยากาศของความไม่มั่นคง ซึ่งเอื้อประโยชน์ต่อนายจ้างในการกดดันให้ลูกจ้างยอมรับข้อเสนอเพื่อรักษาเก้าอี้ทำงาน

4. เป็นการแบ่งแยกแล้วปกครอง ละเลยมาตรฐานสิทธิมนุษยชน

4.1 การที่บริษัทประกาศให้พนักงานที่ไม่ได้สังกัดสหภาพแรงงานสามารถกลับเข้าทำงานได้ตามปกติในวันที่ 8 ธันวาคม นี้คือยุทธวิธีแบ่งแยกแล้วปกครอง เพื่อสร้างความแตกแยกในหมู่พนักงาน และโดดเดี่ยวสมาชิกสหภาพแรงงานให้กลายเป็นกลุ่มน้อยที่ไร้พลัง

4.2 บริษัท ไดกิ้น อินดัสทรีส์ (ประเทศไทย) กำลังสร้างการย้อนแย้งความรับผิดชอบต่อสังคม นโยบายเป็นสากล แต่กำไรขาดทุนเป็นเรื่องท้องถิ่น

- ในเชิงภาพลักษณ์ ไดกิ้นกรุ๊ปประกาศนโยบายด้านสิทธิมนุษยชนแรงงาน และ CSR อย่างเข้มแข็งระดับโลก (Human Rights Policy, Group Conduct Guidelines, CSR-DIW Award) ต้องการรางวัล CSR และการยอมรับในเวทีโลก

- แต่ปฏิบัติการจริงในกรณีนี้ทำให้เกิดช่องว่างระหว่าง “คำประกาศระดับโลก” กับ “การจัดการแรงงานในประเทศไทย” โดยเฉพาะเสรีภาพการรวมตัวและแรงงานสัมพันธ์ที่เป็นธรรม

- นโยบาย Local ผู้บริหารในไทยถูกกดดันด้วยตัวเลข "Total Cost Reduction" จากบริษัทแม่ ทำให้ต้องเลือกใช้วิธีที่รุนแรงที่สุด เพื่อรักษาระดับกำไรและส่งเงินปันผลกลับประเทศ

- รางวัล CSR ที่ได้รับกลายเป็นเพียงกรอบทองที่ใส่รูปภาพบริษัท เพราะในทางปฏิบัติ บริษัทได้ละเลยหัวใจสำคัญของ CSR คือ การดูแลคน และเลือกที่จะทำสงครามความอดทนกับพนักงานของตัวเองแทน

5. เป็นกระบวนการฟอกขาว เรื่องการตัดสวัสดิการทองคำ 3 บาท จากอายุงาน 10 ปี ไม่ขาดลามาสาย ให้มีความชอบธรรมทางนิตินัย

5.1 สหภาพแรงงานมักอ้างถึง มาตรา 20 ของ พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 ที่ห้ามเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างให้ลูกจ้างเสียเปรียบ แต่ในทางปฏิบัติ พ.ร.บ. แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.2518 มาตรา 13 เปิดช่องให้ทำได้ หากผ่านกระบวนการยื่นข้อเรียกร้องและเจรจาต่อรอง

5.2 บริษัทไดกิ้นใช้ช่องทางนี้โดยการยื่นข้อเรียกร้องสวน เพื่อขอแก้ไขข้อตกลงสภาพการจ้างเดิม (เรื่องทองคำ) หากสหภาพแรงงานยอมตกลง ไม่ว่าจะด้วยความสมัครใจหรือจำยอมเพราะทนพิษการปิดงานไม่ไหว ข้อตกลงใหม่นี้จะมีผลบังคับใช้ตามกฎหมายทันที และถือว่าเป็นการยกเลิกสิทธิทองคำเดิมอย่างสมบูรณ์

5.3 บริษัททราบดีว่าไม่สามารถประกาศเลิกให้ทองคำได้เฉยๆ จึงใช้ช่องทาง ยื่นข้อเรียกร้องสวน เพื่อดึงเรื่องเข้าสู่เวทีเจรจาตามมาตรา 13 พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.2518 เพื่อเปลี่ยนสถานะจากการละเมิดสิทธิ ให้กลายเป็น "ข้อพิพาทแรงงาน" ที่สามารถเจรจาต่อรองได้

5.4 กล่าวได้ว่า การยื่นข้อเรียกร้องสวนขอเปลี่ยน “ทองคำ 3 บาท” เป็น “เงินสด 40,000 บาท"” คือการส่งสัญญาณว่า สวัสดิการนี้ไม่ใช่สิ่งที่แตะต้องไม่ได้อีกต่อไป แต่เป็นเพียงหัวข้อหนึ่งในการเจรจา บริษัทจงใจใช้ขั้นตอนนี้เพื่อทำลายความศักดิ์สิทธิ์ของสภาพการจ้างเดิม

สวัสดิการแบบแจกทอง แจกของ เป็นมรดกตกทอดของระบบการจ้างงานแบบญี่ปุ่นที่เน้นความจงรักภักดี ซึ่งถูกมองว่าเป็นภาระที่ไม่สอดคล้องกับโลกทุนนิยมสมัยใหม่ที่เน้นการควบคุมต้นทุน การ Set Zero ครั้งนี้คือจุดเปลี่ยนผ่านประวัติศาสตร์จากระบบสวัสดิการที่ผูกกับวัตถุมาสู่ระบบที่ผูกกับ ตัวเงินที่คำนวณได้แน่นอน

5.5 พนักงานจะไม่สามารถอ้าง มาตรา 20 ของ พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 ได้อีก เพราะถือว่ายินยอมเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างแล้วผ่านกระบวนการแรงงานสัมพันธ์

สิ่งที่ไดกิ้นกำลังทำคือการสร้างบรรทัดฐานใหม่ว่าข้อตกลงสภาพการจ้าง สามารถลดลงได้หากผ่านกระบวนการเจรจา (แม้จะเป็นการเจรจาภายใต้การปิดงานก็ตาม) ดังนั้น การกระทำนี้จึงถูกต้องตามกระบวนการของ พ.ร.บ. แรงงานสัมพันธ์ฯ (มาตรา 13) ทุกประการ

แต่ในทางจริยธรรมแรงงานสัมพันธ์ อาจถูกมองว่าเป็นการใช้อำนาจทางกฎหมายและอำนาจทุนเพื่อฟอกขาว

เพราะเป็นการใช้สิทธิตามกฎหมาย ไปสู่การใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 5


ชี้ให้เห็นถึง "เจตนาพิเศษ" คือ สต็อกสินค้า -> ประวิงเวลา -> ปิดงานช่วงโบนัส ทุกขั้นตอนถูกออกแบบมาเพื่อทำลายอำนาจต่อรอง ไม่ใช่เพื่อหาข้อยุติ

ถือได้ว่าเป็นการลิดรอนสิทธิลูกจ้างอย่างเลือดเย็นที่สุด


รออ่านตอนที่ 4 นะคะ สหภาพแรงงานไดกิ้น มีทางเลือก ทางรอดใดบ้าง ?

บุษยรัตน์ กาญจนดิษฐ์

เลขานุการในคณะกรรมาธิการการแรงงาน วุฒิสภา
8-12-68



08/Dec/2025

เกาะติดข่าวกฎหมาย

>> อ่านต่อ

บทความพิเศษ

สหภาพแรงงานไดกิ้น ตอนที่ 3 เจาะลึกงบไดกิ้น กำไร 5.9 พันล้าน กับปฏิบัติการฟอกขาว ตัดสวัสดิการทองคำ ผ่านช่องโหว่กฎหมายแรงงานสัมพันธ์ สหภาพแรงงานไดกิ้น ตอนที่ 3 เจาะลึกงบไดกิ้น กำไร 5.9 พันล้าน กับปฏิบัติการฟอกขาว ตัดสวัสดิการทองคำ ผ่านช่องโหว่กฎหมายแรงงานสัมพันธ์

เที่ยงวันนี้ 8 ธันวาคม 68 ฉันนั่งอ่านข้อมูลการเงินของบริษัท ไดกิ้นอินดัสทรีส์ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่...

สหภาพแรงงานไดกิ้น ตอนที่ 1 : เข้าใจคำว่า “ปิดงาน-งดจ้าง ตาม พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.2518” และผลกระทบจากการปิดงาน สหภาพแรงงานไดกิ้น ตอนที่ 1 : เข้าใจคำว่า “ปิดงาน-งดจ้าง ตาม พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.2518” และผลกระทบจากการปิดงาน

สหภาพแรงงานไดกิ้นอมตะรักษ์เสรี เป็นสหภาพแรงงานที่ฉันมักอิจฉาเสมอ เพราะตลอดหลายปีที่ผ่านมา โบนัสและสว...

Update 13-11-68 : สูตร CARE ประกันสังคม  “CARE ทุกคน” หรือ “ไม่ FAIR สำหรับทุกคน” Update 13-11-68 : สูตร CARE ประกันสังคม “CARE ทุกคน” หรือ “ไม่ FAIR สำหรับทุกคน”

ฉันเห็นบรรยากาศเรื่องการถกเถียงเรื่อง สูตร CARE ประกันสังคม ว่า “CARE ทุกคน” หรือ &ldquo...

update 13-11-68 : การกระทำแบบใดเรียกว่า การโยกย้ายงานที่ไม่เป็นธรรม update 13-11-68 : การกระทำแบบใดเรียกว่า การโยกย้ายงานที่ไม่เป็นธรรม

อภิญญา สุจริตตานันท์ อดีตอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ปัจจุบันเป็นประธานคณะกรรมการแรงงานสัมพั...

>> บทความอื่นๆ

กฎหมาย

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (พ.ศ. 2550)
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ป.พ.พ.)
ประมวลกฎหมายอาญา
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
พระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518
พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522
พระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533
พระราชบัญญัติเงินทดแทน พ.ศ. 2537
พระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ.2528
พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541
พระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. 2543
พระราชกำหนด การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

กระทรวงแรงงาน
กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
กรมจัดหางาน
กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน
สำนักงานประกันสังคม
สำนักแรงงานสัมพันธ์
สำนักบริหารแรงงานต่างด้าว
สำนักงานบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ
ศาลแรงงานกลาง
คณะกรรมาธิการการแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร
คณะกรรมาธิการการแรงงานและสวัสดิการสังคม วุฒิสภา